|
|
-
พ.ศ. 2485 – 2506 งานจัดตั้งหน่วยบริการ เพื่อเป็นสถานให้บริการอนามัยแม่และเด็ก แก่กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ แม่ ทารกและเด็กวัยก่อนเรียน สถานบริการดังกล่าว ได้ก่อตั้งขึ้นตามลำดับ ดังนี้ | | | | -
พ.ศ. 2497 -
สถานีอนามัยเด็กกลาง นนทบุรี ด้วยความร่วมมือขององค์การสงเคราะห์เด็กแห่งประเทศไทย (UNAC) และองค์การกองทุนสงเคราะห์เด็กระหว่างประเทศ แห่งสหประชาชาติ(UNICEF) เพื่อใช้เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กวัยก่อนเรียน จากครอบครัวผู้ป่วยด้วยวัณโรค และโรคเรื้อน นำมาเลี้ยงดูเป็นการชั่วคราว เพื่อช่วยให้เด็กเจริญเติบโตขึ้น โดยสมบูรณ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ -
ด้วยความร่วมมือขององค์การอนามัยโลก และองค์การกองทุนสงเคราะห์เด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ ได้จัดตั้งสถานสงเคราะห์แม่และเด็กขึ้น 2 แห่ง ที่ถนนสาธร จังหวัดพระนครแห่งหนึ่ง และที่ตำบลหนองหอย อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาใช้ชื่อว่า ศูนย์ฝึกและอบรมการอนามัยแม่และเด็ก กรุงเทพฯ และสถานอนามัยแม่และเด็ก เชียงใหม่หน่วยงานทั้งสองแห่งนี้ มีหน้าที่อบรมฟื้นฟูความรู้เจ้าหน้าที่อนามัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผดุงครรภ์ และเป็นศูนย์สาธิตการให้บริการอนามัยแม่และเด็กในเขตปฏิบัติการด้วย ปัจจุบันศูนย์ฝึกฯ กรุงเทพฯ ได้ถูกยกเลิกและได้รวมภาระกิจไว้ที่ศูนย์อนามัยที่ 1 กรุงเทพฯ สำหรับสถานอนามัยแม่ และเด็กเชียงใหม่ได้รวมภาระกิจไว้ที่ศูนย์อนามัย ที่ 10 เชียงใหม่ แต่สถานที่ที่ตำบลหนองหอย อำเภอสารภีได้เปลี่ยนเป็นศูนย์ทันตระหว่างประเทศ กองทันตสาธารณสุข -
จัดตั้งโรงเรียนผดุงครรภ์เพิ่มขึ้นอีก 1 แห่งที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วยความร่วมมือ ขององค์การบริหารการร่วมมือระหว่างประเทศ แห่งสหรัฐอเมริกา โดยใช้หลักสูตรผดุงครรภ์ ปี 2503 มีนักเรียนเข้ารับการอบรมรุ่นแรก จำนวน 50 คน -
ได้จัดตั้งสำนักงานผดุงครรภ์ ชั้น 2 จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสำนักงาน แห่งแรกซึ่งจัดตั้งขึ้นและได้รับความร่วมมือจาก กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดทั้งผู้ที่สนใจในกิจการสาธารณ-สุข โดยมีผดุงครรภ์ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในท้องที่นั้นอยู่ประจำปฏิบัติการ ปรากฏว่า สำนักงานผดุงครรภ์ชั้น 2 แห่งนี้ได้ทำประโยชน์ด้านอนามัยแม่และเด็ก ให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก กระทรวงสาธารณสุข จึงมีนโยบาย จัดตั้งสำนักงานผดุงครรภ์ในท้องที่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีสำนักงานผดุงครรภ์อยู่ทั้งสิ้น1,356 แห่ง และมีโครงการที่จะสร้างเพิ่มเติมขึ้น อีกปีละไม่น้อยกว่า 100 แห่ง ทั้งนี้เพื่อให้ทันต่อความต้องการของประชาชน -
ได้จัดตั้งสถานอนามัยเด็กกลาง นนทบุรี ขึ้นที่ถนนติวานนท์ ตำบลบาง-กระสอ อำเภอปากเกร็ด ด้วยความร่วมมือขององค์การสงเคราะห์เด็กแห่งประเทศไทย (UNAC) และองค์การกองทุนสงเคราะห์เด็กระหว่างประเทศ แห่งสหประชาชาติ (UNICEF) เพื่อใช้เป็นสถานที่รับเด็กวัยก่อนศึกษา จากครอบครัวที่ป่วยด้วยโรคติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ วัณโรคและโรคเรื้อน นำมาเลี้ยงดูไว้เป็นการชั่วคราวเพื่อแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง และเพื่อที่จะช่วยให้เด็กได้เจริญเติบโตขึ้น โดยสมบูรณ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ -
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ท รงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานหน่วยรถยนต์ให้ 1 หน่วย เริ่มปฏิบัติงาน เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2497 ที่วัดกุฎี ตำบลบางเค็ม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเรือชื่อ " อเมริกา " เพื่อปรับปรุงเป็นหน่วยเรือ ในปีเดียวกันด้วย ต่อมาในปี พ.ศ. 2499 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรถยนต์อีก 1 หน่วย ซึ่งเริ่มปฏิบัติงานที่ อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2499 ซึ่งในเวลาต่อมา เหลือปฏิบัติงานอยู่เพียงหน่วยรถยนต์ 2 หน่วย ซึ่งใช้ชื่อว่า หน่วยพระราชทานรักษาประชาชนเคลื่อนที่ เพชรบุรี - ประจวบคีรีขันธ์ และหน่วยพระราชทานรักษาประชาชนเคลื่อนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | - พ.ศ. 2503 โรงเรียนผดุงครรภ์ จังหวัดเชียงใหม่ ได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดลำปางโดยใช้ชื่อว่า " โรงเรียนผดุงครรภ์อนามัยลำปาง"
| - พ.ศ. 2504 จัดตั้งโรงเรียนผดุงครรภ์แห่งที่ 3 ขึ้น ที่จังหวัดขอนแก่น ใช้หลักสูตรปี 2503 เช่นเดียวกัน รับนักเรียนเข้าอบรมเป็นรุ่นแรก จำนวน 30 คน โดยใช้ชื่อว่า "โรงเรียนผดุงครรภ์ขอนแก่น" รับนักเรียนเข้าอบรมได้รุ่นละประมาณ 50 คน ซึ่งต่อมาได้ปรับปรุงเข้าเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์อนามัยแม่และเด็ก เขต4 จังหวัดขอนแก่น
| |
ก) การฝึกอบรมบุคลากรผู้รับผิดชอบ งานอนามัยแม่และเด็ก และอบรมผดุงครรภ์โบราณ ข) การให้บริการอนามัยแม่และเด็ก ค) การนิเทศงานอนามัยแม่และเด็ก ในส่วนภูมิภาค | - พ.ศ. 2509 ได้จัดตั้งศูนย์อนามัยแม่และเด็ก แห่งแรกขึ้น ที่จังหวัดยะลา
| - พ.ศ. 2510
-
กองอนามัยแม่และเด็ก ได้ตั้งโรงเรียนผู้ช่วยพยาบาลขึ้น ณ ศูนย์อนามัยแม่และเด็ก จังหวัดขอนแก่น เพื่อดำเนินการผลิตผู้ช่วยพยาบาลออกประจำปฎิบัติงาน ณ สถานีอนามัยชั้น 1 ในจังหวัดต่างๆ โดยใช้หลักสูตรการศึกษาวิชาผู้ช่วยพยาบาลระยะเวลา 1 ปี เริ่มทำการอบรมรุ่นแรก ในเดือนสิงหาคม 2510 มีจำนวนผู้เข้ารับการอบรม 30 คน และมีโครงการที่จะอบรมเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะผลิตผู้ช่วยพยาบาล ประจำสถานีอนามัยชั้น 1 ให้ครบทุกแห่ง จากการศึกษาท่าที และแนวโน้มของประชาชนในการรับบริการวางแผนครอบครัว ตลอดจนศึกษาถึงความเหมาะสมในทางเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ได้ทำโครงการวิจัยที่อำเภอโพธาราม และเขตทดลองอื่น ๆ แล้ว รัฐบาลจึงเห็นความสำคัญของการวางแผนครอบครัว และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับผิดชอบงานด้านนี้ ดังนั้น เมื่อ พ.ศ. 2511 ได้มีการปรับปรุงการบริหารงานโครงการอนามัยครอบครัวของ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประกอบด้วยงานฝึกอบรม งานบริการอนามัยครอบครัว งานวิจัยประเมินผล และงานศึกษาสภาพเวชภัณฑ์ ขึ้นเป็น "โครงการวางแผนครอบครัว" โดยมีปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้อำนวยการโครงการ และรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นรองผู้อำนวยการ -
ได้ปรับปรุงโรงเรียนผดุงครรภ์อนามัย ขอนแก่น ให้เป็นศูนย์อนามัยแม่และเด็กเขต 4 จังหวัดขอนแก่น และจัดสร้างศูนย์อนามัยแม่และเด็กเขต 7 จังหวัดราชบุรี เป็นศูนย์ฯ แห่งที่ 3 | -
พ.ศ. 2511 กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินจัดตั้งโครงการ 3 ปี สำหรับโครงการอนามัยครอบครัว ทั้งน ี้โดยมีวัตถุประสงค์ ที่จะเตรียมรับนโยบายทางด้านประชากรของรัฐบาลในอนาคต โดยการขยายการให้บริการวางแผนครอบครัว ออกไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ในระยะปี 2511-2513 ได้จัดให้มีการอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในเรื่องการวางแผนครอบครัวและความรู้เกี่ยวกับประชากรศาสตร์ ทั้งนี้ โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่ ของกรมอนามัยที่อยู่ในชนบททุกคน แพทย์ และพยาบาล จากโรงพยาบาลในส่วนภูมิภาคจังหวัดละ 1 คน เป็นอย่างน้อย จะต้องเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังเสร็จสิ้นการอบรมแล้ว เจ้าหน้าที่เหล่าน ี้จะได้เปิดให้บริการวางแผนครอบครัวขึ้นที่หน่วยงานซึ่งตนประจำอยู่ ได้แก่ โรงพยาบาลภูมิภาค และสถานีอนามัยชั้น 1 ที่มีแพทย์ประจำทุกแห่ง ดังนั้นการวางแผนครอบครัว จึงต้องให้มีบริการรวมไปกับการให้บริการทางด้านอนามัยที่มีอยู่แล้ว โดยที่ไม่ได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ หรือใช้เงินพิเศษเพิ่มแต่ประการใด การดำเนินงานวางแผนครอบครัวถือเป็นการให้บริการด้านอนามัยทั่ว ๆ ไปเท่านั้น มิได้มีการตั้งเป้าหมายจำนวนผู้รับบริการที่แน่นอนหรือมีศูนย์ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ สำหรับงานด้านวางแผนครอบครัวโดยเฉพาะ ในระยะ 3 ปีแรก ได้ดำเนินการอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระดับต่าง ๆ เกี่ยวกับการวางแผนครอบครัว แพทย์ 330 คน พยาบาล 700 คน และผดุงครรภ์ 3,090 คน พนักงานอนามัย 1,985 คน ในการให้บริการอนามัยครอบครัวแก่ประชาชน โดยถือหลัก การเผยแพร่การอนามัยครอบครัว จะไม่ใช้สื่อมวลชน แต่จะใช้วิธีให้สุขศึกษาเป็นกลุ่มย่อย บริการอนามัยครอบครัว ให้แก่ผู้รับบริการเฉพาะแต่สตรี ที่สมัครใจขอรับบริการเท่านั้น บริการอนามัยครอบครัว จะให้แก่ผู้ขอรับบริการโดยไม่คิดมูลค่า เว้นเสียแต่ผู้ขอรับบริการ จะสมัครบำรุงโดยตนเอง | | -
พ.ศ. 2514 -
กระทรวงสาธารณสุข ได้เริ่มงานวางแผนครอบครัวอย่างจริงจัง โดยเร่งรัดการอบรมเจ้าหน้าที่เผยแพร่ และให้บริการแก่ประชาชน ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคอนุญาตให้ผดุงครรภ์จ่ายยาคุมกำเนิดได้ ซึ่งมีผลให้สถานบริการยาเม็ดคุมกำเนิด ที่ไม่มีแพทย์ประจำเพิ่มขึ้น และจำนวนผู้รับบริการยาเม็ดคุมกำเนิดเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังจัดให้มีการบริการที่โรงพยาบาล และสถานีอนามัยทุกแห่ง ตลอดจนส่งหน่วยเคลื่อนที่ออกปฏิบัติการ ในด้านการสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ เริ่มใช้สื่อมวลชนและหน่วยสุขศึกษาเคลื่อนที่ ออกเผยแพร่และให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนครอบครัว อย่างไรก็ตามยังไม่มีการกำหนดเป้าหมายผู้รับบริการเป็นที่แน่นอน จนถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 3 งานวางแผนครอบครัว จึงได้รับการบรรจุเข้าเป็นงานหลักอีกงานหนึ่งของแผนพัฒนาการสาธารณสุข -
ศูนย์อนามัยแม่และเด็กชนบทที่ 41 เมืองพล จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นศูนย์ชนบท ของศูนย์อนามัยแม่และเด็กเขต 4 โดยเทศบาลยินยอมให้ปรับปรุงสถานีอนามัยชั้น 1 ของเทศบาลเป็นสถานที่ทำการศูนย์ | - พ.ศ. 2516 กองอนามัยแม่และเด็ก ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น กองอนามัยครอบครัวซึ่งได้รวมงานอนามัยแม่และเด็ก และ งานวางแผนครอบครัวเข้าด้วยกัน
| |
1. ฝ่ายบริหารงานทั่วไป 2. ส่วนแผนงานและประเมินผล 3. ส่วนอนามัยแม่และเด็ก 4. ส่วนอนามัยเด็กวัยเรียนและเยาวชน 5. ส่วนอนามัยวัยทำงานและผู้สูงอายุ 6. ส่วนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ 7. ส่วนสนับสนุนงานศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ 8. ส่วนอบรมและเผยแพร่ |
1. ฝ่ายบริหารทั่วไป 2. กลุ่มสนับสนุนวิชาการ 3. กลุ่มอนามัยแม่และเด็ก 4. กลุ่มอนามัยเด็กวัยเรียนและเยาวชน 5. กลุ่มอนามัยวัยทำงาน 6. กลุ่มอนามัยผู้สูงอายุ 7. กลุ่มสร้างเสริมศักยภาพเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ 8. หน่วยประสานศูนย์อนามัยเขต และกิจการพิเศษ |
1. กลุ่มอำนวยการ 2. กลุ่มบริหารยุทธศาสตร์ 3. กลุ่มอนามัยแม่และเด็ก 4. กลุ่มอนามัยเด็กวัยเรียนและวัยรุ่น 5. กลุ่มอนามัยวัยทำงาน 6. กลุ่มสร้างเสริมศักยภาพเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ 7. กลุ่มพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ 8. กลุ่มสนับสนุนวิชาการวิจัย 9. หน่วยประสานศูนย์อนามัยเขต และกิจการพิเศษ |